บทที่ 1 ตอนที่ 4 : เริ่มต้นเขียนเรื่องอย่างไร?

เริ่มต้นเขียนเรื่องอย่างย่อ

เอาความสามารถในการใช้จินตนาการของคุณระเบิดมันออกมา โดยเริ่มจากจุดเล็กๆ ที่คุณเห็นหรือที่คุณได้ยินได้ฟังมา ซึ่งจะมีหลักการคิดง่ายๆ อยู่ 3 ทางด้วยกันคือ

1. คิดไปข้างหลัง                                                                                                                                                                 

สมมุติว่า เราเห็นชายคนหนึ่งหัวแตกเดินผ่านหน้าเราไป  ถ้าเราอยากจะแต่งเรื่อง เราลองคิดย้อนกลับไปเล่นๆดู ซึ่งความคิดตรงนี้ มันไม่ได้เป็นความจริงที่เกิดขึ้นจริงๆ มันจะเป็นจินตนาการของเราล้วนๆเช่น
ตัวอย่างที่1 :
            สมมุติว่าเราต้องการเขียนการ์ตูนแนวต่อสู้  ถ้าเราเห็นคนหัวแตกเดินมา ในมือมีผ้าปิดหัวไว้เลือดแดงฉานเต็มผ้า เราก็ลองจินตนาการและคิดไปเล่นๆดูซิกว่า 
เขาไปทำอะไรมาหัวแตก? (เขาอาจจะกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางอะไรบางอย่างแล้วไม่ผ่าน ก็เลยล้มลงไปหัวไปฝาดกับขอบโต๊ะแถวๆนั้น)  และทำไมเขาต้องกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางล่ะ? (ก็เพราะเขาวิ่งหนีการตามล่าอยู่) แล้วใครตามล่าเขาล่ะ? (พวกอันธพาลท้ายซอย) แล้วทำไมพวกอันธพาลท้ายซ้อยถึงตามล่าเขา? (เพราะเขาไปล่วงรู้อะไรบางอย่างที่เป็นความลับอะไรบางอย่างที่ไม่ดีของพวกท้ายซอย) แล้วเขาล่วงรู้ความลับของพวกท้ายซอยได้อย่างไร? (จะไปหาแฟนเดินผ่านมาพอดี) แล้วความลับนั้นคืออะไร? (เป็นพวกค้ายาเสพติดแล้วกำลังส่งยากันอยู่ ชายหนุ่มคนเดินมาเห็นเขาพอดีเลยและถูกขอร้องให้ปิด ปาก แต่ชายหนุ่มไม่เชื่อแล้วยังจะบอกว่าจะไปแจ้งความกับตำรวจอีก ก็เลยถูกไล่ล่า)...

            ให้เราคิดย้อนหลังไปเรื่อยๆ จากนั้นให้เรามาเรียบเรียงใหม่ โดยใส่รายละเอียดของเรื่องเข้าไป : 
อาทิตย์ เป็นคนที่รักความถูกต้องและความยุติธรรมที่สุด แม้ชีวิตเขาจะเติมโตมาในครอบครัวที่มีอันจะกิน แต่เขากลับไปหลงรักชบา สาวสวยที่มีอาชีพขายพวงมาลัยอยู่ในตลาดเก่าๆ แห่งหนึ่ง ด้วยความรักที่มีให้กับชบาเขาไม่เคยรังเกียจชบาเลยว่าเป็นคนจนที่อาศัยอยู่ในสลับ แล้ววันที่ชีวิตเขาต้องเปลียนไป ในขณะที่เขาต้องการไปหาชบาที่บ้านของเธอ กลับไปเจอพวกแก๊งอันธพาลค้ายาเสพติดกำลังส่งมอบยากันอยู่ ด้วยความที่เป็นคนรักความยุธรรมและมองโลกในแง่ดี จึงไม่ยอมที่จะปิดเรื่องนี้ไว้ตามที่พวกแก๊งค้ายาได้ขอร้องไว้  ทำให้พวกแก๊งค์ค้ายาไม่พอใจและเริ่มข่มขู่และทำร้ายอาทิตย์ อาทิตย์จึงหนีพวกมัน พวกมันจึงตามออกไล่ล่าอาทิตย์หวังเพื่อจัดการไม่ให้อาทิตย์เอาสิ่งที่เห็นไปบอกคนอื่น อาทิตย์ต้องหนีจากการถูกไล่ล่าจนได้รับบาทเจ็บที่ศรีษะอย่างแรง เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ อาทิตย์จะเอาตัวลอดจาการถูกตามล่าได้หรือไม่ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับเขาต่อไป และความจริงทั้งหมดคืออะไร โปรดติดตามตอนต่อไป...  : (อะไรประมาณนี้)

          เราก็จะได้เรื่องสั้นๆ มาเรื่องหนึ่งแล้ว ต่อไปเราจะเอาไปขยายบท หรือเปลี่ยนแปลงตรงไหนหา "เหตุและผลในทางการ์ตูน" เพิ่มเข้าไป เพื่อให้มันสนุกยิ่งขึ้น ต่อไปมันก็เป็นเรื่องง่ายแล้วที่เราจะพัฒนาบทให้มันสนุกยิ่งขึ้น 

2. คิดไปข้างหน้า                                                                                                                                                 

            หากเราไม่ถนัดที่จะคิดถอยหลัง ก็ลองคิดไปข้างหน้าดู ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการคิดไปด้านหน้า หรือ คิดย้อนกลับไปด้านหลัง ก็มีแนวความคิดเหมือนๆ กัน คือต้องตั้งจุดที่จะคิดออกมาก่อนหนึ่งจุด จากนั้นใช้จินตนาการแตกออกไปเรื่อยๆ 
            เราจะสมมุติเหตุการณ์เดียวกันกับตัวอย่างที่หนึ่ง ถ้าหากเราเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งหัวแตกเดินมาด้วยความรวดเร็ว ในมือมีผ้าปิดหัวไว้เลือดแดงฉานเต็มผ้าที่ปิดไปหมด (เราเห็นเหตุการณ์เพียงเท่านี้) เราก็ลองมาจินตนาการไปข้างหน้าเล่นๆกัน
ตัวอย่างที่ 2
            
เลือดออกและวิ่งหนีขนาดนี้เขาจะไปไหน? (ไปโรงพักล่ะกัน) แล้วถ้าเขาไปโรงพัก เขาจะไปแจ้งความเรื่องอะไร? (ถูกคนไล่ตีหัวมา) ไล่ตีเรื่องอะไร? (ไปเห็นเขาส่งค้ายามา) ที่ไหน? (ในสลัม) เข้าไปทำไมในสลัม? (ไปหาแฟน) จากนั้นเขาก็สบลไป มาฟื้นตัวอีกทีเขาก็เห็นว่าตอนนี้เขาอยู่ที่โรงบาลแห่งหนึ่ง และมีตำรวจเฝ้าดูตัวเขาอยู่ ด้านนอกห้องก็มีตำรวจเฝ้าไว้อย่างแน่นหนา มันเกิดอะไรขึ้น? เขาจำอะไรไม่ได้เลย แล้วสายที่ระโยงระยางเต็มตัวเขาไปหมดมันคืออะไร และเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในตัวเขา และมีพลังอันมหาศาลอยู่ในตัวเขาอีก มันคืออะไรกันแน่ แท้ที่จริงแล้วเขาเป็น...   

3. คิดอะไรได้เขียนไปเลย                                                                                                                                                    
          แต่ถ้าคิดย้อนไปและคิดย้อนกลับยังเขียนไม่ได้อีก ก็ยังมีอีกวิธีหนึ่งคือถ้าเรามีโครงเรื่องหรือพล็อดเรื่องอยู่แล้ว ให้หาจุดๆหนึ่งในเรื่องมาเขียนนึกๆๆๆๆ นึกอะไรได้ก่อน เขียนไปก่อน เขียนๆๆๆๆ ไป แล้วค่อยมาเรียบเรียงที่หลัง
ตัวอย่าง 3
           
 มีแมวตัวหนึ่ง สีดำ ไม่ชอบจับหนู ชอบทำตัวเหมือนหมา เป็นแมวที่ชอบเฝ้าบ้าน ไม่ชอบออกนอกบ้าน แถมยังกินอาหารแปลกๆ เช่นกินผัก กินน้ำอัดลม เกิดอุบัติเหตุพร้อมกับเจ้าของมัน วิญญาณเจ้าของกับแมวสลับร่างกัน คนนิสัยแมว แมวนิสัยคน คนชอบทำเหมือนแมว แมวชอบทำเหมือนคน จึงเกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆ ขึ้น....
             เขียนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เลย นึกอะไรได้เขียนไปก่อน แล้วค่อยมาเรียบเรียงให้เข้ากับพล็อตเรื่องที่เราต้องการ แล้วค่อยใส่รายละเอียดลงไป ใส่ปมใส่ความขัดแย้ง การแก้ปริศนาลงไป แค่นี้ก็ได้เรื่องมาแล้ว

 เขียนเรื่องอย่างไรให้สนุก                                                                                                                       

            หลังจากที่เราพยายามเขียนเรื่องที่เราอยากนำมาเป็นบทการ์ตูนได้แล้ว แต่อ่านๆดู มันก็ยังไม่สนุกเลย ทำไงดี? มันยังคงเป็นปัญหาโลกแตกและเป็นปัญหาใหญ่อีกข้อหนึ่งสำหรับนักเขียนการ์ตูนไทยในบ้านเราอยู่ในขณะนี้ ในบางครั้ง แม้ภาพที่วาดออกมาจะสวยงามมาก แต่ถ้าเนื้อเรื่องไม่น่าติดตาม ก็ชวนให้ไม่อยากอ่านไปด้วย แล้ว "ทำอย่างไรถึงจะเขียนเรื่องให้สนุก" 
- การเรียงลำดับเรื่อง
            สำคัญมากๆ ถ้าเรื่องที่เราเขียน เรียงลำดับเรื่องไม่ดี นอกจากจะทำให้เรื่องที่เราเขียนอ่านไม่สนุกแล้ว บางทีคนอ่านยังไม่เข้าใจ อ่านแล้วทำให้งงในเนื้อหาอีกด้วย  หลังจากที่เราได้พล็อตเรื่องมาแล้ว เราลองมาเขียนเรื่องและเรียบเรียงตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องดู จากนั้นรองซอยเรื่องออกเป็น สามส่วนอย่างต่ำคือ

  • ส่วนต้นเรื่อง
  • ส่วนกลางเรื่อง
  • ส่วนท้ายเรื่อง

เรียงลำดับ 1 2 3 ไป หรือจะซอยเรื่องที่เราแต่งมากกว่า 3 ส่วน เป็น  5 ส่วนก็ได้  เช่น ส่วนต้นเรื่อง, ส่วนระหว่างต้นเรื่องและกลางเรื่อง, ส่วนกลางเรื่อง, ส่วนระหว่างกลางเรื่องและปลายเรื่อง,ส่วนปลายเรื่องหรือเรียงลำดัง 1 2 3 4 5 เอาไว้

ช่วงต้นเรื่อง สิ่งสำคัญของช่วงนี้ คือการแนะนำตัวละครสำคัญๆ หรือตัวละครหลักๆ สถานที่สำคัญๆ ของเนื้อเรื่อง และเปิดปมปริศนาต่างๆที่เราได้ว่างไว
            ช่วงกลางเรื่อง :  เป็นการหาแก้ปริศนา หรือปมต่างๆ การดำเนินเรื่องไปสู่จุดหมายปลายทาง อาจจะต้องมีอุปสรรค หรือ ดราม่า เข้ามาเกี่ยวข้อง 
             ช่วงท้ายเรื่อง : แก้ปมปริศนาได้เป็นผลสำเร็จ ทุกอย่างกระจ่างไปในทิศทางของเรื่องที่เราตั้งไว้ และจะให้สมบูรณ์จริงๆ ควรจะมี  5W+1H ประกอบในเนื้อเรื่องของเราด้วย 5W+1H คืออะไร
          Who (ใคร)  : หมายถึงตัวละครหลักๆ  ในการดำเนินเรื่องของเรา โดยร่วมถึง ภูมิหน้าและภูมิหลัง ที่สำคัญของตัวละครหลักด้วย
          What (ทำอะไร) : แล้วตัวละครหลักเหล่านั้น เขาต้องการทำอะไรบ้าง
          Where (ที่ไหน)  : ในหัวข้อนี้ จะหมายถึง สถานที่ที่เขาต้องไปทำ ทำที่ไหน
          When (เมื่อไหร่) : ในส่วนนี้อาจจะหมายรวมไปถึงเรื่องของ "เงื่อนไข" ในการกระทำ อาจจะเป็น"เรื่องของเวลา"หรือ"เรื่องของจำนวน"หรือเรื่องของอุปสรรคตามเรื่องที่เราแต่ง เช่น เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็นแล้ว ทุกคนต้องเข้าไปอยู่ในบ้านห้ามออกมาเด็ดขาด (เงื่อนไขของเวลา),เมื่อคุณวางตำแหน่งไข่บนฐานที่เห็น ได้อย่างถูกต้องประตูลับถึงเปิดออกได้(เงื่อนไขของเรื่องจำนวน)
-  Why (ทำไม)  : หมายถึงว่าสิ่งที่ตัวละครเอกได้ทำไปทั้งหมดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตามหัวข้อด้านเขาทำไปไม? : เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็นแล้ว ทุกคนต้องเข้าไปอยู่ในบ้านห้ามออกมาเด็ดขาด เพราะว่ายามคำคืน จะมีสัตว์ร้ายออกมอาละวาด ไล่ทำร้ายผู้คนที่มันพบเห็น, เมื่อคุณวางตำแหน่งไข่บนฐานที่เห็นได้อย่างถูกต้อง ประตูลับถึงเปิดออกได้ คุณจะต้องนำของสำคัญที่อยู่ในประตูลับแห่งนี้ออกมาให้ได้
-  How (อย่างไร) : สรุปผลที่ทำมาทั้งหมด มันจะเกิดผล อย่างไร ขึ้น เช่น เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็นแล้ว ทุกคนต้องเข้าไปอยู่ในบ้านห้ามออกมาเด็ดขาด เพราะว่ายามคำคืน จะมีสัตว์ร้ายออกมอาละวาด ไล้ทำร้ายผู้คนที่มันพบเห็น และถ้าคุณไม่อยากเป็นเหยือของพวกสัตว์ร้ายเหล่านี้ กรุณาทำตามที่บอกไว้ด้วย,เมื่อคุณวางตำแหน่งไข่บนฐานที่เห็นได้อย่างถูกต้อง ประตูลับถึงเปิดออกได้ คุณจะต้องนำของสำคัญที่อยู่ในประตูลับแห่งนี้ออกมาให้ได้ แต่คุณต้องระวังกลไกที่ยังถูกซ่อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง เพี่ยงคุณเหนียบตัวอักษรที่อยู่บนพื้นอย่างถูกต้อง คุณก็จะได้ของสำคัญสิ่งนั้นมา

ตัวอย่างที่ 4
         
หงอคง(ใคร) ต้องการรวบรวมลูกแก้วที่มีดาวอยู่ด้านในให้ ครบ 7 ลูก(ทำอะไร)  ที่กระจัดกระจ่ายอยู่ทั่วทุกมุมของโลก(ที่ไหน) เพราะทราบมาว่า ถ้าเรารวบรวมลูกแก้วได้ครบทั้ง 7 ลูกได้ (เมื่อไหร่ )จะมีมังกรปรากฏตัวขึ้นมา(ทำไม) และเราสามารถขอพรอะไรก็ได้ 1 ข้อ (อย่างไร) 
             และนอกจากเรื่องของเราต้องประกอบไปด้วย 5W+1H แล้ว การเรียงลำดับเรื่อง ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องของเราน่าอ่านยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งการเรียงลำดับเรื่อง เราไม่จำเป็นต้องเรียง 1 2 3 4 5 เสมอไป  เราอาจจะเริ่มต้นเรื่องด้วย 3 แล้วย้อนมา  1 2  ต่อด้วย  4 5 โดย โดยสรุปรวมๆ ในการเสนอเนื้อเรื่อง จะมีการเรียงลำดับได้  3 รูปแบบดังนี้

-เริ่มจากต้นเรื่อง
           วิธีนี้เป็นวิธีเล่าเรื่องแบบ เบสิกๆ ธรรมดา มาตราฐานทั่วไป คือเริ่มเล่าตั้งแต่ต้นเรื่อง  ใคร  ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไม อย่างไหร่  แล้วก็จบเรื่อง ไม่แฮปปี้หรือแแฮปปี้เอ็นดิ้งกันไป  ความสลับสับซ่อน ก็จะอยู่ในช่วงของเนื้อเรื่อง และมันจะเรียงตามลำดับขั้นตอน 1 2 3 4 5 ไปจนจบเรื่อง วิธีนี้จะเหมาะกับนักเขียนที่เพิ่งเริ่มเขียนเรื่องใหม่ๆ หรือกำลังหัดเขียนเรื่องหรือนักเขียนมือสมัครเล่น ยกตัวอย่าง
 (ต้นเรื่อง) ชายคนหนึ่ง มีอาชีพเป็นนักสือคดียาเสพติด มักปลอมตัวไปอยู่กับพวกค้ายาและแอบแจ้งตำรวจมาจับพวกค้ายาอยู่เสมอๆ แล้วมาวันหนึ่งมีพวกค้ายากลุ่มหนี่งสืบทราบมาว่า ชายคนนี้คือสายสืบตำรวจ พวกมันเลยหลอกล้อให้เขาเข้าไปยังห้องแห่งหนึ่งที่ทำกลไกเอาไว้ แส้วสังหารชายคนนี้ทิ้งซะ(กลางเรื่อง) จากนั้นก็มีการสืบสาวราวถึงการตายของเขา จนสามารถรู้ตัวบงการ และสืบจับกันได้จนเรื่องจบปิดคดี (ปลายเรื่อง)

- เริ่มจากส่วนใดส่วนหนึ่งของเรื่อง
             วิธีนี้เป็นวิธีที่คิดและเขียนยากขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ แต่เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด การ์ตูนหลายๆ เรื่องที่ประสบความสำเร็จ ก็จะเกิดจากการเล่าเรื่องด้วยวิธีนี้ โดยผู้เขียนจะเลือกฉากที่คิดว่าน่าติดตามที่สุด หรือปมปริศนาใหญ่ ๆ ของเรื่องมาเปิดตัว มาเปิดเรื่อง แล้วค่อย ๆ ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเรื่อง ก่อนที่จะสรุปเรื่องทั้งหมด ยกตัวอย่างเรื่องในเรื่อง ฆาตกรรมในห้องปิดตาย 
เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมคนๆหนึ่งในห้องที่ถูกล็อคจากด้านใน หรือในห้องปิดตาย (ตรงนี้คือเหตุการณ์ที่อยุ่กลางเรื่องแล้ว) คราวนี้ก็มีการสืบคดีมาเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ คนตายเป็นใคร มาจากไหน ทำอาชีพอะไร มีใครเป็นศัตรูบ้าง (ช่วงนี้คือช่วงต้นเรื่อง) จากนั้นก็สืบสาวเรื่องราวไปจนสามารถแก้ไขปมปริศนาในการตายครั้งนี้ได้ทั้งหมด (ปลายเรื่อง)

-เริ่มที่ท้ายเรื่อง
     น้อยคนนักที่จะเริ่มต้นเขียนด้วยวิธีนี้ คือเปิดเรื่องด้วยฉากจบหรือฉากใกล้จบ มันเป็นวิธีการเล่าเรื่องที่ยากที่สุด เพราะว่าไปเฉลยเหตุการณ์ตอนท้ายเรื่องแล้ว แล้วค่อยมาเล่าเรื่องถึงเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ถ้าเป็นการเล่าเรื่องไม่ดีก็ทำให้ไม่น่าติดตาม แต่ถ้าเล่าเรื่องดี จะเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เล่าเรื่องได้สนุกสุดยอดเลยทีเดียว ตัวอย่าง 
เริ่มต้นที่ฉากผู้หญิงคนหนึ่งในงานแต่งกับทายาทเศรษฐีพันล้าน ใบหน้าเธอยิ้มอย่างมีความสุข แล้วก็คิดไปถึงสมัยที่เธออยู่บ้านนอกคอกนาอดมื้อกินมื้อ แล้วก็เล่าดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ จนมาพบทายาทเศรษฐี แล้วเกิดถูกชะตากัน รู้จักกัน สนิทสนมกันมากขึ้น แล้วรักกัน แต่งงานกัน เสน่ห์ของการเล่าเรื่องวิธีนี้ อยู่ที่การดำเนินเรื่องที่ต้องอาศัยจังหวะในการเล่าที่น่าจะปกติ แต่ไม่ปกติ ติดตามอย่างมาก เพราะว่า ผู้อ่านจะรู้อยู่แล้วว่า ผลสุดท้าย ทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน แต่กว่าทั้งคู่จะได้แต่งกันกัน เจออุปสรรค อะไรมาบ้างตรงนี้แหละ คือจะต้องใส่การเล่าที่น่าติดตามไปเยอะๆ และต้องหลอกล้อให้ผู้อ่านติดตามให้ได้

- 5 หน้าอันตราย
       ถ้าเราหยิบการ์ตูนเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน อ่านไปได้สัก 5 หน้า อ่านแล้วรู้สึกว่า ไม่น่าติดตามเลย หน้าที่  6 หน้าที่  7 ต่อไปเรื่อย ๆ ก็คงไม่อยากอ่าน พาลให้ปิดหนังสือไปเฉยๆ เพราะมันไม่น่าอ่าน มันไม่สนุกตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้น 5 หน้าแรกจึงเป็นส่วนสำคัญอย่ากมากในการเปิดเรื่อง การสร้างเรื่องให้น่าอ่าน การว่างโครง
เรื่องจะต้องให้น่าติดตามภายใน 5 หน้าแรกให้ได้  มีนักเขียนท่านหนึ่ง มาเสนองาน เรื่องเขาเป็นสงครามอวกาศ โดยเล่าว่า ตัวเอกเป็นนักบินที่เก่งมาก แล้วบินหลงเข้าไปในมิติในอวกาศแห่งหนึ่ง เครื่องบินเขาตกไปที่ดาวดวงหนึ่งและได้รับความช่วยเหลือจากนางเอก ซึ่งได้อาศัยอยู่ที่ดาวแปลกๆ ดวงนี้ ปัญหาก็คือ ดาวดวงนี้ กำลังทำสงครามกับดาวอีกดวง  ด้วยเหตุที่ว่าตัวเอกเป็นนักบินที่เก่ง ก็เลยถูกเลือกให้มาอยู่ในกองทัพของดาวดวงนี้เพื่อทำสงครามด้วย แล้วก็เกิดมีการสู้รบกัน ในที่สุดดาวที่ตัวเอกตกมาก็เป็นฝ่ายชนะ ทุกคนที่อยู่ในดาวดวงนี้ก็ยินดีปรีดา และช่วยกันหาทางกลับไปยังโลกให้กับตัวเอก... จากการได้ฟังเรื่องของเขาก็น่าสนุกดี แต่ฉากเปิดเรื่องถ้าเปิดตามที่เขาเล่ามาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่น่าติดตามเท่าไหร่  ก็เลยแนะนำให้เขาเปิดตัวที่ฉากสงครามเลย สงครามกองทัพของดาวสองดวงที่ต้องต่อสู้กัน เปิดด้วยฉากอวกาศอลังการงานสร้างเลย พระเอกอยู่ที่ทัพด้วยมีการต่อสู้กันทางอากาศ คิดฉากสวยๆ ให้ตัวเอกตกใจ แล้วก็เริ่มที่พระะเอกตกใจตื่น จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องถึงดาวดวงนี้ และ ภูมิหลังของตัวพระเอก ว่าเป็นใคร มาจากไหน แล้วทำไมถึงถูกคัดเลือกให้มายังดาวดวงนี้มันไม่ได้เป็นเหตุบังเอิญที่ตัวเอกหลงเข้ามาในดาวดวงนี้ แต่มันเป็นเหตุการณ์ที่ถูกกำหนดล่วงหน้ามาแล้ว ด้วยอะไรก็ว่าไป ตามเหตุและผลทางด้านการ์ตูน คิดว่า มันน่าจะเป็นการเปิดเรื่องที่น่าติดตามมากกว่า
5  หน้าแรกเปิดขึ้นมาอ่านแล้วคุณต้องทำให้ผู้อ่านอยากเปิดหน้า 6 หน้า 7 และอ่านต่อไปเรื่อยๆให้ได้ การเปิดเรื่องด้วยเรื่องแปลกๆ ปมปริศนา หรือฉากปริศณา ฉากที่มีมุมมองปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ ฉากที่แปลกตาออกไปจะทำให้ผู้อ่านสนใจและอยากติดตามอ่านมากขึ้น เพราะฉะนั้น จงเริ่มต้นให้ดี ว่าการ์ตูนของคุณ จะผ่าน 
5 หน้าอันตรายนี้ไปได้หรือไม่

-บังเอิน
  การ์ตูนแทบทุกเรื่องใช้เหตุการณ์
บังเอิญ เป็นการดำเนินเรื่อง ไม่รู้ว่าเป็นอะไรทำไมมันถึงได้บังเอิญได้ถึงขนาดนี้ ถูกผลักตกเหว แต่บังเอิญเกาะกิ่งไม้ไว้ได้, หนีศัตรูไปอยู่ต่างประเทศ แต่บังเอิญไปเจอลูกสมุนศัตรูที่อยู่ที่นั้นและรายงานข้ามประเทศมา, เห็นถนนว่าง ๆ ไม่มีรถแล้ว กำลังจะข้ามถนน แต่บังเอิญ มีรถวิ่งออกมาจากซอย มองไม่เห็นได้ชนเอา,อยากเข้าไปเดินเล่นในห้างไปซื้อของแต่บังเอิญวันนั้นเขาจัดรายการอยู่ แล้วใครเข้าห้างเป็นคนที่ 99 จะได้รางวัลใหญ่เป็นรถเบนซ์,  หนีการถูกไล่ยินของคู่อริ ไปเรื่อย ๆ ดันไปเจอทางตันไม่มีที่หนี ปีนจอมาที่หน้าแล้วมันก็ยิงมา บังเอิญเหลือเกินกระสุนหมดเลยรอดตาย, ไปเดินห้างกับกิ๊กไม่อยากให้แฟนรู้ แต่ดันบังเอิญไปเจอแฟนเสียได้,บางทีก็คิดนะ ห้างมีเป็นร้อย ๆ ห้างไม่ไปเดิน ดันมาเดินห้างเดียวกัน มันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้น ดูแล้วเหมือนโกหก แต่ใส่เข้าไปเถอะฉากบังเอิญนี้ มันทำให้เรื่องสนุกขึ้นจริงๆ แค่ควรบังเอิญให้สมเหตุและผลในแง่การ์ตูน เพราะฉะนั้นใส่เข้าไป ฉากบังเอิญนี้แหละ...

-เพิ่มฉากดราม่าและแรงกดดัน
   เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่การ์ตูนเรื่องยาวเกือบทุกเรื่องที่ขาดไม่ได้เลย นั้นก็คือเรื่องของ ดราม่า หรือชีวิตประจำวันของตัวแสดง ถึงแม้ว่าทุกเรื่องควรมี แต่ก็ต้องดูประเภทของงานเขียนเราด้วย ถ้าเป็นการ์ตูนแอ๊คชั่น หรือแนวกีฬา ก็ไม่ควรมีดราม่าหรือวิถีชีวิตของตัวละครมากจนเกินไป เอาแค่หอมปากหอมคอก็พอ เช่น 
ตัวเอกเป็นคนขาขาดมีขาข้างเดียว และต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดินอยู่ตลอดเวลา แต่ชอบกีฬาเตะตะกร้อมาก เขาต้องฝึกอย่างหนัก อย่างโหดกว่าคนปกติสองสามเท่าเพื่อที่จะทำให้ทุกคนเห็นว่า แม้ว่ามีขาข้างเดียวก็สามารถลงแข่งกีฬาตะกร้อได้ ใส่เข้าไปดรามาให้รู้ว่าเขาพยายามมาก พยายามทั้งน้ำตา และเพิ่มแรงกดดัน ใส่เข้าไปให้คนอ่านติดตามว่า เขาจะทำได้จริงๆเหรอ ทำได้ไง วิธีไหน อะไรประมาณนี้ หรืออีกหนึ่งตัวอย่าง
มีพระเอก สองคน มีนางเอกคนเดียว พระเอกเป็นพี่น้องกัน นางเอกรักคนน้อง แต่คนน้องไม่รักนางเอก คนพี่รักนางเอก แต่นางเอกไม่รักคนพี่ คนน้องเป็นแฟนเก่านางเอก แต่คนน้องรักพี่มาก จึงยอมเสียลละให้พี่ (เริ่มดราม่าแล้ว) ทำทุกอย่างให้นางเอกเกลียดเพื่อให้ไปรักกับพี่ชายตัวเองใส่เรื่องกดดันมันเข้า ใส่เรื่องที่ต้องทำร้ายจิตใจนางเอกเข้าไป แต่นางเอกแม้โดนคนน้องทำร้ายจิตใจหรือกลั่นแกล้งมากแค่ไหนก็ตาม ก็ยังรักคนน้องอยู่ อะไรประมาณนี้ ฟังดูแล้วเหมือนละครน้ำเน่า แต่หาแรงกดดันดีๆ ก็ทำให้เรื่องสนุกได้ นักกีฬาต่อสู้ จะต้องขึ้นเวที ทั้งๆที่ฝ่ายตรงข้ามโคตรเก่งเลย สู้ยังไงก็แพ้อยู่แล้ว แต่ตัวเอกเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งจะต้องสู้ให้ถึงที่สุดแม้รู้ว่าขึ้นไปสู้โอกาศแพ้มีถึง 90% แต่โอกาศชนะก็มี 10% เชียวนะ ตัวเอกสู้ก็ไม่ได้ แถมยังโดนโกงต่างๆ นานา ทั้งโดนตัดกำลัง โดนตัดคะแนน โดยรอบทำร้าย (กดดันมันเข้าไป ดราม่ามันเข้าไป)  เลือดออกปางตาย จะหมดแรงริบหรี่ๆ แล้ว กรรมการนับถึง 8 แล้วตัวเอกต้องกัดฟันทั้งนำตาลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง แล้วก็ได้ชัยชนะในที่สุด มันเป็นแรงกดดันที่นักอ่าน จะได้ลุ่นว่า มันจะชนะไหม มันจะแพ้อย่างไง อะไรประมาณนี้ ทำให้การ์ตูนของเราน่าติดตามอ่านยิ่งขึ้น หรืออีกตัวอย่าง ลูกกับเมียกับพ่อ ได้รับอุบัติเหตุคุณสามารถช่วยชีวิตได้แค่ หนึ่งคน ตัวละครตัวนั้นจะช่วยใคร เขาจะปล่อยให้ใครตาย เขาจะช่วยใคร เขาจะแก้ปัญหาอย่างไร ตรงนี้ใส่ดราม่าเข้าไป ใส่แรงกดดันเข้าไปรับรองการ์ตูนของคุณอ่านสนุกแน่
แรงกดดันนั้นเราใส่ได้หลายอย่าง ทั้งในเรื่องของเวลา อย่างเช่น
ตัวเอกถูกขังอยู่ในตึกร้างแห่งหนึ่งและต้องหาทางหนีออกมาให้ได้ก่อน 6 โมงเย็น ไม่เช่นนั้นลูกชายที่เป็นตัวประกันอยู่จะถูกฆ่าตาย ตัวอย่างนี้คือแรงกดดันเรื่องเวลาเขาจะทำอย่างไรให้ออกไปให้ทันหกโมงเย็น หรือตัวอย่างที่ลูก,เมีย,พ่อ เกิดอุบัติเหตุ ตัวเอกต้องเลือกว่าจะให้ใครมีชีวิตรอด เลือกได้เพียงหนึ่งคน อันนี้คือแรงกดดันชนิดที่ต้องเลือกรักพี่ต้องเสียน้องรักน้องต้องเสียพี่อะไรประมาณนั้น
- สร้างปม ภูมิหน้าและหลังให้กับตัวละคร
                การสร้างปมให้กับตัวละครเป็นการดำเนินเรื่องอีกวิธีหนึ่งที่ควรใส่ไว้ เพราะปมและภูมิหน้าและหลังของตัวละครจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าติดตาม เช่น
ตัวละครเอก เป็นเด็กโรคจิต ที่มีอารมณ์รุ่นแรงมากตอนโกรธ แต่ถ้าปกติแล้ว ทุกคนจะไม่เห็นสิ่งผิดปกติในตัวเขา เขาจะเป็นเด็กที่ร่าเริงแจ่มใสแม้มีคนทำให้โกรธ(เบื้องหน้า) ก็ไม่เห็นว่ามีอะไร แล้วจู่ๆ คนที่ทำให้เขาโกรธ ก็หายตัวไป กว่าจะรู้อีกครั้งก็กลายเป็นศพไปแล้ว  อันนี้คือตัวอย่างการสร้างปมให้กับตัวละคร แล้วทำไมตัวละครตัวนี้ถึงได้ร้ายขนาดนี้ล่ะ ก็เพราะว่าตอนเด็ก ๆ เขาได้เห็นพ่อที่ชอบทำร้ายแม่อยู่เสมอ แต่แม่ก็ไม่เคยอารมร์เสียใส่พ่อเลย แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาเห็นแม่กำลังถูกพ่อทำร้ายแล้วแม่ก็ใช้มีดแทงพ่อจนเสียชีวิต และแม่หันมาพร้อมรอยยิ้ม และบอกกับเขาว่าพ่อทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ แม้จะอยู่ในอาการช๊อคที่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น แต่ก็รู้สึกว่าอีกอย่างว่าการทำเช่นนี้เป็นการลงโทษผู้ที่มารังแกตน (อันนี้คือภูมิหลังของตัวละคร) เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะอ่านสนุก ต้องมีปม และ ภูมิหลังของตัวละครที่น่าติดตาม น่าค้นหา มันจะทำให้งานเขียนการ์ตูนของคุณเป็นที่ติดอกติดใจของนักอ่านแน่นอน

- หักมุมหักมุม
         มีการ์ตูนหลายเรื่อง อ่านแล้วน่าติดตาม และผลสุดท้ายเป็นไปยังที่เราไม่คาดคิดอีกด้วยมันจะเพิ่มความสนุกให้กับการ์ตูนเราไม่น้อยเลยทีเดียว แม้เหมือนจะถูกหลอกให้อ่าน หรือถูกหลอกให้คิดไปต่างๆ นาๆ แต่ผลสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราคิดไว้ กับผิดคาดไปเสียหมดมันก็จะทำให้การ์ตูนเราเป็นที่โจทย์ขานมากขึ้น พูดถึงมากขึ้น ยกตัวอย่างเรื่อง เจ้าสาวกระสุนน้ำตา ในงานแต่งงานแห่งหนึ่ง เจ้าสาวนั่งร้องไห้ในงานอย่างรันทด เหตุเพราะว่า เจ้าบ่าวไม่ได้มาในงานแต่ง ทำให้งานแต่งครั้งนี้ต้องเลิกลา ต้องอับอายแขกเรื่อที่มาในงาน เธอนั่งร้องไห้จนงานเลิก กลับไปร้องไห้ที่บ้านต่อ จากวันเป็นสองวัน จากสองวันเป็นสามวันเป็น อาทิตย์ เป็นเดือน เธอร้องไห้จนแทบจะไม่มีน้ำตาไหลออกมาแล้ว แล้วอยู่มาวันหนึ่งในขณะที่เธอร้องไห้ เธอรู้สึกว่าเธอสามารถบังคับน้ำตาของเธอได้ เธอเลยฝึกบังคับน้ำตาของเธอ ยิงไปที่สิ่งของทีอยู่ด้านหน้า ยิ่งมันไปเรื่อยๆ แรงน้ำตาแห่งความเคียดแค้นได้เพิ่มพลังขึ้น ดุจดังกระสุนปืน และในที่สุดเธอก็สามารถบังคับน้ำตาของเธอดุดดังกระสุนปืนได้ และในวันที่เธอรอคอยก็มาถึง วันที่เธอต้องการปิดปัญชีแค้นของเธอ เมื่อเธอได้ข่าวว่า คนรักของเธอกำลังจะแต่งงานใหม่ เธอได้แอบไปงานแต่งงานของคนรักเก่าเธอ เธอเห็นทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินมาข้างหน้า ความแค้นของเธอเริ่มระเบิดขึ้น น้ำตาของเธอเริ่มไหล และยิงไปที่เจ้าสาว ทะลุถึงขั้วหัวใจ นอนจมกองเลือดอยู่ และเธอได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ว่า เมื่อก่อนที่เธอยังรักเขาอยู่ เธอยอมทำทุกอย่างได้เพื่อความรัก เธอยอมเขาทุกอย่างเพื่อเป็นภรรยาที่ดีของเขาแต่เธอยอมไม่ได้ที่คนที่เธอรัก "กำลังจะไปเป็นภรรยาคนอื่น" เธอไม่อยากให้คนอื่นโดนหลอกเหมือนเธออีกแล้ว เธอจึงต้องกำจัดเขาทิ้งซะ....
ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วในบทนี้ คือการสร้างเรื่องให้น่าอ่านน่าสนุกเท่านั้น เฉพาะในส่วนของเนื้อเรื่องเท่านั้น ยังมีวิธีทำให้เนื้อเรื่องน่าอ่านน่าสนุกด้วย คาแร็กเตอร์ของตัวละคร และ การทำให้เรื่องเราน่าติดตามด้วยฉากอีก เอาไว้เล่าให้ฟังในบทถัดไป

 ที่มา ป๋าอู๊ด www.wecomics.in.th