แก้ว ชื่อสามัญ Andaman satinwood, Chanese box tree, Cosmetic bark tree, Orange jasmine, Orange jessamine, Satin wood
ตามความเชื่อแต่โบราณ เล่าขานกันว่า "บ้านที่ปลูกต้นดอกแก้วไว้จะทำให้คนในบ้านอยู่ดีมีสุข มีคุณค่า เพราะ คำว่า "แก้ว" นั้นหมายถึง สิ่งที่ดีมีค่าสูงเป็นที่นับถือของบุคคลทั่วไป ซึ่งเปรียบเทียบของที่มีค่าสูงนี้เสมือนดั่งดวงแก้ว"
นอกจากนี้คนโบราณยังมีความเชื่ออีกว่า บ้านใดปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้านจะทำให้เป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ มีความเบิกบาน เพราะแก้วคือความใสสะอาด นอกจากดอกจะมีสีขาวสะอาดแล้ว ยังมีกลิ่นหอมนวลไปไกล และยังนำดอกแก้วไปใช้ในพิธีบูชาพระเพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากจะเป็นดอกไม้ที่เป็นสิริมงคลแล้ว ยังมีสพรรคุณทางยาด้วย เราไปศึกษาสพรรคุณทางยา ที่ใช้ตั้งแต่โบราณกันเลยคะ
สรรพคุณของต้นแก้ว
- ใบมีรสร้อนเผ็ดและขม ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (ใบ)
- ช่วยคลายการอุดตันของเส้นเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดลมเป็นไปได้ดีขึ้น (ราก)
- ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ (ดอก, ใบ)
- ช่วยแก้อาการไอ (ดอก, ใบ)
- ราก ก้าน และใบสดสามารถนำมาใช้เป็นยาชาระงับอาการปวดได้ จึงมีการนำมาใช้เป็นยาแก้อาการปวดฟันและปวดกระเพาะ (ราก, ก้าน, ใบสด) บ้างก็ว่าก้านและใบสดมีรสเผ็ดร้อนขม นำมาต้มใช้เป็นยาอมบ้วนปากแก้อาการปวดฟันได้เช่นกัน (ก้านใบ, ใบสด)
- รากใช้เป็นยาแก้ฝีฝักบัวที่เต้านม (ราก)
- รากใช้เป็นยาช่วยขับลมชื้นในร่างกาย แต่ต้องนำไปใช้ร่วมกับตำราแพทย์แผนไทยหรือแพทย์แผนจีน (ราก)
- ใบช่วยแก้ท้องเสีย (ใบ)
- ช่วยแก้บิด (ใบ)
- ใบช่วยขับลม แก้อาการจุกเสียดแน่นเฟ้อ (ใบ)
- ช่วยในการย่อยอาหาร (ดอก, ใบ)
- ใช้เป็นยาแก้ปวดกระเพาะ ด้วยการใช้ใบแก้วแห้ง, กานพลู, เจตพังคี, และเปลือกอบเชย นำมาบดเป็นผงใช้ชงกับน้ำร้อนเป็นยารับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง หรือจะนำผงที่ได้มาบดผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองก็ได้ โดยใช้รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง (ใบแห้ง)
- ใบใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืด (ใบ)
- ใบใช้เป็นยาขับประจำเดือนหรือระดูของสตรี (ใบ) หรือจะใช้รากแห้งประมาณ 10-15 กรัม (สดให้ใช้ 30-60 กรัม) นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว แล้วเคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว ใช้รับประทานหลังอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น (รากแห้ง)
- รากและต้นแห้งนำมาหั่นและต้มเคี่ยวแล้วกรองเอาแต่น้ำมาใช้ ช่วยเร่งการคลอดบุตรของสตรี โดยใช้ผ้าพันแผลจุ่มกับน้ำยาสอดเข้าไปที่ปากมดลูก (ราก, ต้นแห้ง)
- รากใช้เป็นยาแก้ฝีในมดลูก (ราก)
- รากสดใช้เป็นยาพอกบริเวณที่เป็นแผล (รากสด)ใช้เป็นยาแก้แผลคัน (ราก)
- ใช้เป็นยาแก้ผดผื่นคันที่เกิดจากความชื้นและที่เกิดจากแมลงกัดต่อย (ราก, ก้าน, ใบสด)แก้อาการคันที่ผิวหนัง (ราก)
- แก้แมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการใช้รากและใบสดนำมาต้มใช้ชะล้างบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อย (ราก, ใบสด) แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย (ราก
- รากสดมีรสเผ็ดสุขุม นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้แผลฟกช้ำได้ (รากสด) แก้ฟกช้ำดำเขียว (ราก) แก้แผลเจ็บปวดที่เกิดจากการกระทบกระแทก (ใบ)
- ช่วยแก้ฟกช้ำ ด้วยการใช้ใบแก้วสด, ขมิ้น, ขิง และไพร นำมาตำให้ละเอียดและผสมกับเหล้า แล้วนำไปคั่วให้ร้อน นำผ้าสะอาดห่อ ใช้เป็นยาประคบบริเวณที่มีอาการฟกช้ำประมาณ 20-30 นาที โดยให้ทำวันละ 2-3 ครั้ง (ใบสด)
- รากใช้แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย บรรเทาอาการปวดบวม แต่ต้องนำไปใช้ร่วมกับตำราแพทย์แผนไทยหรือแพทย์แผนจีน (ราก) บ้างว่าใช้รากแห้งนำมาหั่นเป็นฝอยใช้ตุ๋นกับหางหมูเจือกับสุราใช้กินเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยเอว (รากแห้ง)
- ก้านและใบสดเมื่อนำมาบดแช่กับแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง สามารถนำมาใช้ทาหรือฉีดเป็นยาระงับอาการปวดได้ (ก้านใบ, ใบสด)
- ดอกและใบใช้เป็นยาแก้ไขข้ออักเสบ (ดอก, ใบ)
วิธีและปริมาณที่ใช้ของสมุนไพรแก้ว
- รากและใบแห้งให้ใช้ครั้งละ 10-18 กรัม แต่หากเป็นยาสดให้ใช้ครั้งละ 20-35 กรัม[3]
- ใช้เป็นยารักษาภายใน เพื่อแก้อาการท้องเสีย แก้บิด และขับพยาธิ ให้ใช้ก้านและใบสดประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วเคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว ใช้รับประทานหลังอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หรือจะนำมาดองกับเหล้าแล้วใช้ดื่มแต่เหล้าครั้งละ 1 ถ้วยตะไลก็ได้[4]
- ใช้เป็นยาภายนอก ให้ใช้ก้านและใบสดนำมาตำแล้วพอกหรือจะคั้นเอาแต่น้ำมาทาบริเวณที่เป็น หรืออีกวิธีให้ใช้ใบแห้งนำมาบดเป็นผงใช้โรยใส่แผลก็ได้ หากใช้เป็นยาแก้ปวดหรือเป็นยาชาเฉพาะที่ก็ให้ใช้ใบและก้านสดที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ 50% ถ้าเป็นในส่วนของรากแห้งหรือรากสดก็ให้นำมาตำแล้วพอก หรือจะนำไปต้มเอาแต่น้ำใช้ชะล้างบริเวณที่เป็นก็ได้[4
เอกสารอ้างอิง
- หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. “แก้ว”. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ). หน้า 95.
- หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “แก้ว (Kaew)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 55.
- หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “แก้ว”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 92.
- สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “แก้ว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [06 ก.พ. 2014].
- ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “แก้ว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [06 ก.พ. 2014].
- ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “ต้นแก้ว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [06 ก.พ. 2014].
- GRIN (Germplasm Resources Information Network) Taxonomy for Plants. “Murraya paniculata (L.) Jack”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.ars-grin.gov. [06 ก.พ. 2014].
- หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 1.
- Sangkae's Blog. “Murraya paniculata”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: sangkae.wordpress.com. [06 ก.พ. 2014].
ขอบคุณ ที่มาข้อมูล : https://medthai.com